GPS ย่อมาจาก Global Positioning System หรือ “ระบบกำหนดพิกัดตำแหน่งบนโลก” โดยอาศัยการคำนวณพิกัด จากดาวเทียม ที่โคจรอยู่รอบโลก โดยรับสัญญาณจากดาวเทียมตั้งแต่ 3 ดวงขึ้นไปทำให้สามารถชี้บอกตำแหน่งได้ทุกแห่งหนบนโลก แต่มีข้อจำกัดในกรณีที่ฟ้าปิด หรืออยู่ในตึก ใต้ทางด่วนก็จะรับสัญญาณดาวเทียมไม่ได้ และเมื่อสามารถบอกพิกัดที่เราอยู่บนพื้นโลกนี้ได้ ก็เลยมีการใช้ GPS มาประยุกต์ใช้กับการควบคุมการขับรถ อย่างรถโดยสารประจำทางของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) โดยจะมีศูนย์ควบคุมการเดินรถด้วยระบบ GPS ที่คอยควบคุมการทำงาน ภายในศูนย์ควบคุมจะมีจอต่างๆที่แสดงข้อมูลของรถบขส. ทุกคันแบบ Realtime โดยจะแสดงข้อมูลตำแหน่งของรถ ความเร็วที่ขับ และลักษณะของรถที่มีการขับผิดปกติ ได้แก่ การเบรคกะทันหัน การขับกระชาก การเปลี่ยนเลนกระทันหันหรือรถที่มีการเอียงเกิน 30 องศาซึ่งเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำได้

และเมื่อพบว่ามีการขับรถที่เร็วเกินกำหนดหรือการขับที่ผิดปกติต่างๆ ก็จะมีการแจ้งเตือนขึ้นบนจอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะโทรศัพท์เตือนคนขับในทันที โดยสามารถดูข้อมูลชื่อ เบอร์โทรศัพท์ของคนขับได้จากหน้าจอเลย นอกจากนั้นผู้บริหารยังสามารถติดตามดูผ่าน Application ที่ทำขึ้นโดยเฉพาะ หากรถคันไหนมีการขับที่ผิดปกติก็จะมีการแจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตทันที ซึ่งไม่เพียงแต่ในรถบขส. แต่ในห้องควบคุมนี้ยังรับข้อมูลจากรถบรรทุกวัตถุอันตรายได้ด้วย โดยใช้หลักการเดียวกันนี้ควบคุม ตรวจสอบการขับรถของคนขับ

ในส่วนของกล่อง GPS ที่ส่งพิกัดของตัวรถกลับมาที่ศูนย์ผ่านทางซิมมือถือที่อยู่ในกล่อง จะถูกติดตั้งอยู่ในรถบขส. แต่ละคัน โดยตำแหน่งที่ติดตั้งนั้นขึ้นอยู่กับความปลอดภัยและเรื่องของระบบไฟเป็นหลัก รวมทั้งขึ้นอยู่กับโมเดลและยี่ห้อของรถ ดังนั้นในรถแต่ละคันก็จะถูกติดตั้ง GPS ในตำแหน่งที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ภายในตัวรถยังมีจอแสดงความเร็วของรถ หากผู้โดยสารเห็นว่าขับเร็วเกินกำหนดก็สามารถโทรแจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะได้ทันทีที่เบอร์ 1584

โครงการนี้มีจุดประสงค์ที่จะควบคุมความเร็วของรถและควบคุมคนขับให้ขับรถอย่างมีวินัย ซึ่งหากควบคุมเรื่องดังกล่าวได้ก็จะสามารถลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนไปได้มากทีเดียว